รายงานวิจัยในชั้นเรียน
เรื่อง การพัฒนาพฤติกรรมความรับผิดชอบการเข้าห้องเรียนของนักเรียน
โดยใช้วิธีการสอนแบบร่วมใจและการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส31101
นัทกาญจน์ รัตนวิจิตร ผู้วิจัย
…………………………………………………………………………………………………………………………………….
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. ปรับพฤติกรรมไม่เข้าเรียนของนักเรียนให้มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นในรายวิชา ส31101
2. ให้นักเรียนมีผลการเรียนในรายวิชา ส31101 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. พัฒนาการเรียนการสอนในภาพรวม
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็น นักเรียนชั้น ม.4/3 จำนวน 38 คน ที่กำลังเรียนรายวิชา ส 31101 เครื่องมือในการวิจัยได้แก่
1.แผนการเรียนการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจ
2. การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
3. แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบของนักเรียน ได้แก่ ความรับผิดชอบตรงต่อเวลา
การให้ความร่วมมือกับผู้อื่น การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การทำงานที่ได้รับ มอบหมายจากครูผู้สอนและการทำงานที่ได้รับ
มอบหมายจากกลุ่ม
4. แบบประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์คือ การหาค่าเฉลี่ย
ผลลการวิจัยในครั้งนี้พบว่า
นักเรียน มีความรับผิดชอบในการเรียน
ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จในทุกด้านดีขึ้นตามลำดับและในสัปดาห์ที่10
นักเรียนทุกคนมีความรับผิดชอบดีทุกด้าน
ผลการปรับพฤติกรรมในครั้งนี้ทำให้นักเรียนทุกคนสามารถทำแบบทดลองหลังหน่วยการเรียนทุกหน่วยผ่านเกณฑ์ที่กำหนดคือจาก 10 คะแนน นักเรียนสามารถทำได้ 8 คะแนนขึ้นไปถือว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
1 ปัญหาและขอบเขตของปัญหา (What is the problem ?)
ความเป็นมาของการวิจัย
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนเพรักษมาตาวิทยา ผู้วิจัยได้รับผิดชอบสอนในรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา รหัส ส31101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง จำนวน 3 ห้อง จากการเรียนการสอนใน 4 สัปดาห์แรก 4 หน่วยการเรียน ผู้วิจัยสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 38 คน ในขณะที่ผู้วิจัยสอนบรรยายและสาธิตการสอนตามเนื้อหาในเอกสารประกอบการเรียนการสอนอยู่นั้น นักเรียนมีอาการง่วงนอน มีสมาธิสั้น เมื่อ มีการถามเนื้อหาที่สอนผ่านไปเมื่อต้นชั่วโมง นักเรียนไม่สามารถตอบได้ และเมื่อให้ทำแบบทดสอบท้ายหน่วยก็ทำไม่ถูกต้องและบางส่วน ก็ไม่ส่งงานที่ได้มอบหมาย โดยหลังจากการเรียน นักเรียนจะเข้าห้องเรียนช้าเกินกว่า 10 -15 นาที และมี นักเรียนที่ไม่เข้าห้องเรียน เมื่อทำการประเมินหลังหน่วยการเรียนรู้ก็ไม่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. รูปแบบและเทคนิค วิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนา (What is the action ?)
จากพฤติกรรมการเรียนดังกล่าวผู้วิจัยได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ในฐานะที่เป็นครูผู้สอน จึงได้ทำการสังเกต สัมภาษณ์ และสอบถามนักเรียนเป็นรายบุคคล เพื่อหาสาเหตุของการไม่เข้าเรียนของนักเรียน และนำเอาสาเหตุ มาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาในครั้งนี้ ผู้วิจัยพบว่าควรปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน โดยการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจ และการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการวิจัย
1. เพื่อปรับพฤติกรรมไม่เข้าเรียนของนักเรียนและให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนการสอนร่วมกัน
2. เพื่อให้นักเรียนมีผลการเรียนในรายวิชา ส31101 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในภาพรวม
วิธีการดำเนินการวิจัย
กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 38 คน
เครื่องมือในการวิจัย
1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจ และการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
2. แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบของนักเรียน ได้แก่ ความรับผิดขอบตรงต่อเวลาให้
ความร่วมมือกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การทำงานที่ได้รับ มอบหมายจากครูผู้สอนและการทำงานที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่ม
3. แบบประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ระยะเวลาดำเนินการสัปดาห์ที่ 5 ถึง สัปดาห์ที่ 10 ของภาคเรียนที่ 1/2554 รวม 5 สัปดาห์
3. การนำรูปแบบเทคนิควิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนาไปใช้ในการแก้ปัญหา และผลที่เกิดขึ้น
(What is the result ?)
การรวบรวมข้อมูล
หลังจากผู้วิจัยสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 ที่ไม่เข้าห้องเรียนช้า และไม่ตั้งใจเรียนในชั้นเรียนได้แล้ว ผู้วิจัยได้เลือกวิธีการที่ให้นักเรียนร่วมมือกันทำงานและร่วมกันสอนกับครู โดยใช้การเรียนการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจและการเรียนอย่างเป็นระบบ โดยดำเนินการดังนี้
1. ผู้วิจัยทำการศึกษาวิธีการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจให้เข้าใจ
2. อธิบายวิธีการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจให้นักเรียนทั้งหมดได้รับรู้และทำความเข้าใจ
3. ดำเนินการเรียนการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจและเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
3.1 แบ่งกลุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ เป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน แต่มีข้อแม้ว่า คนที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงกับต่ำ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม และจะต้องเป็นที่ยอมรับของกลุ่ม
3.2 ผู้สอนเตรียมหัวข้อที่ให้นักเรียนร่วมกันทำเป็นกลุ่ม นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทน
เลือกหัวข้อที่จะทำการศึกษา ปฏิบัติและทำรายงาน
3.3 ผู้สอนอธิบายงานของแต่ละหัวข้อว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง อธิบายถึงการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ทำงานตามขั้นตอนทีละขั้นตอน และผลของการมีส่วนร่วมในงานที่ได้รับมอบหมายจะได้สำเร็จไปด้วยดี
3.4 ผู้สอนบอกถึงผลที่จะได้รับจากการทำงานร่วมกันว่าทุกกิจกรรม ทุกขั้นตอนนั้นเป็นคะแนนส่วนหนึ่งที่จะนำมาประเมินผลการเรียน
3.5 ผู้สอนทำการตกลงกับนักเรียนว่า ก่อนมีการเรียนการสอนทุกครั้ง กลุ่มใดที่ทำงานในหัวข้อที่จะทำการเรียนการสอน นักเรียนทุกคนในกลุ่มจะต้องออกมานำเสนอผลงานในเรื่องนั้น ๆโดยใช้โปรแกรม powerpoint เป็นการนำเข้าสู่บทเรียน และผู้สอนจะทำการสรุปอีกครั้งและเสริมส่วนที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อนักเรียนได้เข้าใจในเนื้อหายิ่งขึ้น
3.6 สร้างแบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบของนักเรียนในแต่ละกลุ่ม
3.7 ติดตามสังเกตพฤติกรรมหลังปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน
4. ดำเนินการแก้ไขเป็นรายบุคคลและเป็นรายกลุ่มที่ไม่ผ่านเกณฑ์จากการสังเกตพฤติกรรมในแต่ละด้าน
4.1 ตรวจสอบประเมินเวลาเรียนและให้คะแนนการเข้าเรียน
4.2 ตรวจสอบประเมินงานทุกงานที่มอบหมายให้นักเรียนทำเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มเป็น คะแนน
4.3 ประเมินการแต่งกายของนักเรียนทุกครั้งที่มีการเรียนการสอน เหตุเพราะนักเรียนจะต้องมี คุณลักษณะบุคลิกที่ดีเป็นพื้นฐาน ก่อนออกมานำเสนอผลงาน
4.4 เกณฑ์การประเมิน ระดับ 4 ดีมาก ระดับ 3 ดี ระดับ 2 ปานกลาง ระดับ 1 พอใช้ ระดับ 0 ต้องปรับปรุง
5. วิเคราะห์ข้อมูลในภาพรวมและแยกตามรายบุคคลโดยใช้แบบถามตอบ
6. สรุปผลการแก้ปัญหา
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวัดผลและประเมินผลกิจกรรม/พฤติกรรม/ผลงานด้วยแบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิด
ชอบของนักศึกษาเกณฑ์การให้คะแนน (แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบ) ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การทำงานที่ไดัรับมอบหมายจากครูสอนและการทำงานที่ได้รับมอบหมาย
สรุปผลการวิจัย
ภายหลังจากการปรับพฤติกรรมความรับผิดชอบในการเรียนรายวิชา ส31101 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 38 คนโดยการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจและการเรียนรู้อย่างมีระบบ พบว่า นักเรียนมีความรับผิดชอบในการเรียนและทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ ในทุกด้านดีขึ้นตามลำดับและในสัปดาห์ที่ 10 พบว่านักเรียนทุกคนมีความรับผิดชอบดีทุกด้าน มีบุคลิกภาพดีขึ้น ผลการปรับพฤติกรรมในครั้งนี้ทำให้นักเรียนทุกคนสามารถทำแบบทดสอบหลังหน่วยการเรียนทุกหน่วยผ่านเกณฑ์ที่กำหนด สรุปนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาและการพัฒนาในอนาคต (What is the next step ?)
ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการติดตามพฤติกรรมความรับผิดชอบในการเรียนของนักเรียนอย่างต่อเนื่องเพื่อสังเกตว่ามีผลต่อพฤติกรรมความรับผิดชอบของนักเรียนอย่างถาวรจนสิ้นสุดรายวิชา
2. เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาต่อในรายวิชาอื่นๆต่อไป
ขอรับรองว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องและปฏิบัติจริงทุกประการ
ลงชื่อ นัทกาญจน์ รัตนวิจิตร ผู้วิจัย
ครูเชี่ยวชาญ โรงเรียนเพรักษมาตาวิทยา
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2554